การเลือกแบบบ้านเป็นสิ่งสำคัญเพราะต้องเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ สภาพอากาศ และงบประมาณ
นี่คือแบบบ้านยอดนิยมที่คนไทยนิยมสร้างมากที่สุด
1. บ้านชั้นเดียว (Single-Story House) 
เหมาะกับ: ครอบครัวเล็ก ผู้สูงอายุ หรือคนที่ต้องการบ้านดูแลง่าย
ข้อดี:
-
งบประมาณไม่สูงมาก
-
ไม่มีบันได ปลอดภัยสำหรับเด็กและผู้สูงอายุ
-
ดูแลง่าย ไม่ต้องกังวลเรื่องโครงสร้างสูง
ข้อเสีย:
-
ใช้พื้นที่ดินมากกว่าเมื่อเทียบกับบ้านสองชั้น
-
มีโอกาสน้ำท่วมได้ง่ายกว่าบ้านยกพื้นสูง
ตัวอย่างแบบบ้าน: บ้านสไตล์มินิมอล, บ้านโมเดิร์นชั้นเดียว, บ้านทรงไทยประยุกต์
2. บ้านสองชั้น (Two-Story House) 
เหมาะกับ: ครอบครัวขนาดกลางถึงใหญ่ มีสมาชิกหลายคน
ข้อดี:
-
ประหยัดพื้นที่ดิน แต่ได้พื้นที่ใช้สอยมากขึ้น
-
แยกโซนการใช้งานได้ชัดเจน (เช่น ห้องนอนอยู่ชั้นบน ห้องรับแขกอยู่ชั้นล่าง)
-
รับลมและมีวิวที่ดีขึ้นจากชั้นสอง
ข้อเสีย:
-
ค่าก่อสร้างสูงกว่าบ้านชั้นเดียว
-
มีบันได อาจไม่เหมาะกับผู้สูงอายุ
ตัวอย่างแบบบ้าน: บ้านโมเดิร์นลอฟท์ 2 ชั้น, บ้านสไตล์นอร์ดิก, บ้านสไตล์โคโลเนียล
3. บ้านโมเดิร์น (Modern House) 
เหมาะกับ: คนรุ่นใหม่ที่ชอบบ้านดีไซน์ทันสมัย
ข้อดี:
-
ใช้พื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ ออกแบบเน้นเส้นตรงและรูปทรงเรขาคณิต
-
มีช่องเปิดขนาดใหญ่ รับแสงธรรมชาติและลมได้ดี
-
ใช้วัสดุที่ดูทันสมัย เช่น กระจก เหล็ก คอนกรีต
ข้อเสีย:
-
ค่าใช้จ่ายอาจสูงกว่าบ้านทั่วไป ขึ้นอยู่กับวัสดุที่เลือกใช้
-
หากใช้กระจกมาก อาจร้อนและต้องติดตั้งฉนวนกันความร้อน
ตัวอย่างแบบบ้าน: บ้านโมเดิร์นทรงกล่อง, บ้านโมเดิร์นมินิมอล, บ้านโมเดิร์นทรอปิคอล
4. บ้านสไตล์มินิมอล (Minimal House) 
เหมาะกับ: คนที่ชอบความเรียบง่าย บ้านที่ดูโล่ง โปร่ง และใช้งานได้จริง
ข้อดี:
-
ใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า ลดของตกแต่งที่ไม่จำเป็น
-
ดูแลรักษาง่าย เน้นโทนสีอ่อน เช่น ขาว เทา น้ำตาลอ่อน
-
ประหยัดงบประมาณ เพราะเน้นดีไซน์เรียบง่าย
ข้อเสีย:
-
หากเลือกสีขาวหรืออ่อนมาก อาจต้องทำความสะอาดบ่อย
ตัวอย่างแบบบ้าน: บ้านมินิมอลญี่ปุ่น, บ้านมินิมอลสแกนดิเนเวีย
5. บ้านสไตล์ลอฟท์ (Loft House) 
เหมาะกับ: คนที่ชอบสไตล์ดิบเท่ มีความเป็นเอกลักษณ์
ข้อดี:
-
โครงสร้างเรียบง่าย ใช้วัสดุเปลือย เช่น ปูนขัดมัน เหล็ก อิฐโชว์แนว
-
โปร่งโล่ง เพดานสูง ทำให้บ้านดูไม่อึดอัด
-
แข็งแรงและดูมีเอกลักษณ์
ข้อเสีย:
-
ปูนขัดมันอาจแตกร้าวหรือมีฝุ่นได้ ต้องดูแลรักษา
-
อาจร้อนหากไม่มีฉนวนกันความร้อนที่ดี
ตัวอย่างแบบบ้าน: บ้านลอฟท์ปูนเปลือย, บ้านลอฟท์โมเดิร์น
6. บ้านสไตล์ไทยประยุกต์ (Thai Traditional House) 
เหมาะกับ: คนที่ต้องการบ้านที่เข้ากับสภาพอากาศไทย อยู่ได้หลายรุ่น
ข้อดี:
-
ระบายอากาศดี มีใต้ถุนสูง ช่วยป้องกันน้ำท่วม
-
หลังคาทรงจั่วช่วยกันแดดและฝนได้ดี
-
ใช้วัสดุไม้ให้ความรู้สึกอบอุ่น
ข้อเสีย:
-
วัสดุไม้อาจต้องดูแลรักษามากกว่าคอนกรีต
-
อาจมีงบประมาณสูงหากใช้ไม้แท้
ตัวอย่างแบบบ้าน: เรือนไทยประยุกต์, บ้านทรงไทยล้านนา, บ้านทรงปั้นหยา
7. บ้านสไตล์นอร์ดิก (Nordic House) 
เหมาะกับ: คนที่ชอบบ้านเรียบง่าย อบอุ่น และดูเป็นธรรมชาติ
ข้อดี:
-
ดีไซน์เรียบง่าย สวยงามแบบสแกนดิเนเวีย
-
เน้นการใช้แสงธรรมชาติ ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า
-
ใช้ไม้และสีโทนอ่อน ทำให้บ้านดูอบอุ่น
ข้อเสีย:
-
หากใช้กระจกมาก อาจร้อน ต้องเพิ่มฉนวนกันความร้อน
-
บ้านทรงสูงอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
ตัวอย่างแบบบ้าน: บ้านหลังคาจั่วแบบนอร์ดิก, บ้านมินิมอลสไตล์สแกนดิเนเวีย
8. บ้านโมบาย (Mobile Home / Tiny House) 
เหมาะกับ: คนที่ต้องการบ้านขนาดเล็ก ย้ายที่ตั้งได้
ข้อดี:
-
ราคาถูกกว่าบ้านทั่วไป
-
ประหยัดพื้นที่ สามารถเคลื่อนย้ายได้
-
ใช้วัสดุสำเร็จรูป ทำให้ก่อสร้างเร็ว
ข้อเสีย:
-
พื้นที่ใช้สอยน้อย ไม่เหมาะกับครอบครัวใหญ่
-
อาจไม่แข็งแรงเท่าบ้านก่ออิฐ
ตัวอย่างแบบบ้าน: บ้านสำเร็จรูป บ้านคอนเทนเนอร์ บ้านเล็ก Tiny House
สรุป
ถ้าต้องการบ้านราคาประหยัดและดูแลง่าย → บ้านชั้นเดียว
ถ้าต้องการพื้นที่มากขึ้นในที่ดินจำกัด → บ้านสองชั้น
ถ้าชอบดีไซน์ทันสมัย → บ้านโมเดิร์น / บ้านมินิมอล
ถ้าชอบสไตล์ดิบเท่ → บ้านลอฟท์
ถ้าต้องการบ้านเย็นสบายแบบไทย ๆ → บ้านไทยประยุกต์
ถ้าชอบบ้านแนวอบอุ่นจากยุโรป → บ้านนอร์ดิก
ถ้าต้องการบ้านขนาดเล็ก ราคาประหยัด → บ้านโมบาย